หน้าแรก

5 วิธีจัดโต๊ะเก้าอี้ทำงานแบบ Ergonomic บอกลาออฟฟิศซินโดรมได้เลย!

14 ธ.ค. 2566เกร็ดความรู้
5 วิธีจัดโต๊ะเก้าอี้ทำงานแบบ Ergonomic บอกลาออฟฟิศซินโดรมได้เลย!

5 วิธีจัดโต๊ะเก้าอี้ทำงานแบบ Ergonomic บอกลาออฟฟิศซินโดรมได้เลย!

ยุคนี้เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักกับเก้าอี้ “Ergonomic” หรือเก้าอี้สุขภาพ ซึ่งสามารถช่วยลดอาการออฟฟิศซินโดรมได้อย่างดี แต่รู้ไหมว่านอกจากเก้าอี้แล้วเฟอร์นิเจอร์หรือของใช้อื่นๆ ก็ยังมีการดีไซน์ตามหลักสรีระศาสตร์ (Ergonomic) อีกด้วย เพราะออฟฟิศซินโดรมไม่ใช่เฉพาะคอ บ่า ไหล่ แต่ยังรวมไปถึงข้อมือ ข้อนิ้ว และดวงตา

วันนี้ Buddy Office จะมาแนะนำ 5 วิธีเปลี่ยนออฟฟิศหรือมุมทำงานเดิมๆ ให้เป็นแบบ Ergonomic เต็มรูปแบบกัน รับรองว่าถ้าทำตามได้ทุกข้อก็บอกลาออฟฟิศซินโดรมได้เลย!

1. เลือกใช้เก้าอี้สุขภาพ (Ergonomic Chair)

เนื่องจากเราต้องนั่งทำงานนาน 8 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นเก้าอี้จึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการออฟฟิศซินโดรมอย่างมาก เก้าอี้สำหรับทำงานในสำนักงานควรจะมีพนักพิงสูงระดับไหล่ หากมีที่พักศีรษะด้วยก็จะดี และควรปรับเอนได้สำหรับเปลี่ยนอิริยาบถ

 

โดยเวลาเรานั่ง เท้าต้องติดพื้น ขาท่อนล่างตั้งตรง เข่างอ 90 องศาพอดี ส่วนหลังพิงพนักเอนประมาณ 110 องศา ส่วนแขนต้องระดับเดียวกับโต๊ะ ไหล่ไม่ห่อ หน้ามองตรงหรือก้มเงยได้เล็กน้อย

 

นอกจากนั้นยังมีวิธีการเลือกอย่างละเอียดอื่นๆ อีก ซึ่งบัดดี้จะมาแนะนำให้ในบทความถัดๆ ไป แต่ที่สำคัญ คือ อย่าดูที่ราคาถูกจนเกินไป เพราะอาจทำให้เพื่อน มีอาการออฟฟิศซินโดรมมากกว่าเดิมได้ เนื่องจากเก้าอี้ที่มีราคาถูกมักใช้วัสดุที่คุณภาพไม่ดี เช่น เบาะรองนั่งบางนั่งแล้วปวด ผ้าหุ้มเบาะหยาบกระด้างขูดผิว หรือที่พักแขนเป็นพลาสติกแข็งรองนานๆ แล้วเจ็บ เป็นต้น

2. เลือกใช้โต๊ะทำงานสุขภาพ (Ergonomic Table) 

อีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องอยู่ด้วย 8 ชั่วโมงต่อวัน ก็คือโต๊ะทำงานนั่นเอง โดยโต๊ะทำงานสุขภาพมักรู้จักกันในอีกชื่อคือ “โต๊ะปรับระดับได้” (Ergonomic Adjustable Desk) ช่วยให้เราปรับระดับความสูงของโต๊ะให้พอดีกับพนักงานแต่ละคนได้

ทั้งการวางระดับแขนให้พอดีกับเมาส์ คีย์บอร์ด และจอคอมพิวเตอร์พอดีกับระดับสายตา นอกจากนั้นบางยี่ห้อยังมีการเพิ่มลิ้นชักวางคีย์บอร์ดและเมาส์ ช่วยให้เราสามารถวางแขนได้พอดีมากยิ่งขึ้น ข้อดีอีกอย่างหนึ่ง คือ สามารถปรับให้สูงเพื่อยืนทำงานได้ ช่วยให้พนักงานสามารถเปลี่ยนอิริยาบถไม่ให้นั่งนานเกินไป พร้อมกับยังทำงานได้ไม่สะดุด

 

ส่วนวิธีการเลือกโต๊ะทำงานสุขภาพ สำคัญที่ความแข็งแรงและขนาด ควรมีพื้นที่ทำงานเพียงพอสำหรับการทำงาน และมีระยะห่างในการวางจอคอมพิวเตอร์ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งเดี๋ยวบัดดี้จะอธิบายเพิ่มเติมในหัวข้อที่ 4

3. เลือกใช้เมาส์ คีย์บอร์ด และแผ่นรองข้อมือเพื่อสุขภาพ (Ergonomic Gadget)

ข้อนี้ถือเป็นประเด็นเล็กๆ ที่คนส่วนใหญ่มักมองข้ามไป แต่ส่งผลอย่างชัดเจนโดยเฉพาะกับบริเวณข้อมือและข้อนิ้ว เพราะเมาส์และคีย์บอร์ดก็เป็นอุปกรณ์ที่เราต้องใช้ทำงานตลอดเช่นกัน ดังนั้นจึงมีเมาส์และคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพเหมือนกัน โดยดีไซน์จะแปลกตา เพราะเป็นเมาส์แนวตั้ง ส่วนคีย์บอร์ดก็โค้งๆ แป้นแบ่งครึ่ง แต่จะบอกว่าช่วยลดอาการเจ็บข้อมือ ปวดข้อนิ้ว หรือนิ้วล็อกจากการพิมพ์นานๆ ได้ดีเลยทีเดียว

 

นอกจากเมาส์และคีย์บอร์ด บางคนอาจจะเสริมด้วยแผ่นรองข้อมือให้เมาส์กับคีย์บอร์ดด้วยก็ได้ เพื่อให้น้ำหนักไม่กดข้อมือจนเจ็บ โดยหากใครไม่อยากเสียเงินซื้อก็สามารถนำผ้าพับๆ มารองเอาก็ได้เช่นกัน

 

ส่วนใครที่ใช้โน๊ตบุ๊ก บัดดี้ก็ขอแนะนำให้ซื้อคีย์บอร์ดและเมาส์แยก เพราะโน๊ตบุ๊กโดยทั่วไปไม่ได้ดีไซน์แทร็กแพดหรือคีย์บอร์ดมาตามหลักสรีระศาสตร์ และถ้าเราวางในตำแหน่งไม่ถูกต้องอาจทำให้เราต้องยื่นแขนเพื่อใช้งาน ทำให้เกิดอาการไหล่ห่อได้

ขอบคุณรูปภาพจาก Logitech

4. เลือกใช้จอถนอมสายตา วางในระยะและความสูงที่เหมาะสม 

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือ “จอภาพ” ซึ่งเราต้องมองตลอด 8 ชั่วโมงต่อวัน และจอภาพปกติมักจะมีการกะพริบของหลอดภาพที่ตาเรามองไม่เห็น แต่เมื่อใช้งานจอเป็นเวลานานๆ จะทำให้เราเกิดอาการตาล้าได้ การเลือกจอภาพที่มีฟังก์ชันถนอมสายตาก็จะช่วยให้ตาเราไม่เมื่อยล้าเกินไป ทำให้ลดโอกาสการปวดหัวจากการปวดตาได้อีกด้วย

 

โดยวิธีการเลือกจอภาพถนอมสายตา ให้เลือกจอรูปแบบจอโค้ง (Curve Display) เพราะทำให้เรามองภาพได้เต็มมายิ่งขึ้น และต้องมีฟังก์ชัน Flicker Free หรือก็คือจอที่ไม่มีการกะพริบของหลอดภาพ มีฟังก์ชัน Low Blue Light ช่วยตัดแสงสีฟ้าที่ส่งผลกระทบต่อสายตา และสุดท้ายเลือกขนาดที่เหมาะสมกับสายตาของตัวเอง ให้ดีควรจะขนาดจอ 23 นิ้วขึ้นไป เพื่อให้มองได้อย่างสบายตา

 

สุดท้ายคือเรื่องการจัดวาง เราควรวางหน้าจอให้ห่างประมาณ 40 - 75 เซนติเมตร หรือประมาณ 1 ช่วงแขน และความสูงระดับสายตา โดยหน้าจะต้องไม่ก้มหรือเงยจนเกินไป เมื่อวานถูกต้องแล้วตอนนั่งทำงานก็อย่าเผลอชะเง้อหน้าเข้าไปนะครับ ถ้ามองไม่เห็นให้ใช้จอที่ใหญ่ขึ้น

 

ส่วนถ้าใช้โน๊ตบุ๊กก็แนะนำให้ใช้จอแยก หากไม่มีจริงๆ ก็ควรใช้แท่นวางโน๊ตบุ๊กเพื่อปรับให้ความสูงเหมาะสม หรือหากใช้ 2 หน้าจอ ก็ควรวางให้ชิดกันทำมุมเป็นตัว V ตรงกลาง เพื่อให้เราไม่ต้องหันทางใดทางหนึ่งในการมอง

5. เลือกการใช้แสงให้เหมาะสม 

เรื่องสุดท้ายคือเรื่อง “แสง” ที่หลายคนลืมคิดถึง โดยแสงที่ดีที่สุดนั้นคือแสงธรรมชาติ แต่แน่นอนว่าเราไม่สามารถหวังพึ่งแสงธรรมชาติในการทำงานตลอดได้ ดังนั้นจึงต้องใส่ใจในการเลือกหลอดไฟ โดยบัดดี้แนะนำให้เลือกหลอดแบบ LED แทนฟลูออเรสเซนซ์ เพราะมีการกะพริบของแสงน้อยกว่า และยังไม่มีรังสี UV ที่เป็นอันตรายต่อดวงตาอีกด้วย

 

และแน่นอนว่าแสงต้องสว่างเพียงพอ ไม่สว่างจนเกินไป และที่สำคัญควรใช้เป็นแสงสีขาวเพื่อความสบายตา

สุดท้ายแม้ว่าเราจะเตรียมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ดีแค่ไหน แต่ถ้าเราไม่ยอมขยับตัว เปลี่ยนอิริยาบถเลยออฟฟิศซินโดรมก็ยังคงถามหาได้นะครับ ดังนั้นเราควรลุกมาขยับ ยืด เหยียดร่างกายสักครึ่งใน 1 ชั่วโมง พักสายตาและกะพริบตาบ่อยๆ ด้วยนะครับ

เพียงเราจัดออฟฟิศตาม 5 วิธีนี้ ก็บอกลาออฟฟิศซินโดรม ลดโรค เพิ่มความสุข เพิ่ม Productivity กันเน้นๆ เลย

 

อ้างอิง

รูปภาพจาก

RELATED BLOGS

บทความอื่น ๆ

ประโยชน์ 5 ข้อ ที่จะได้จากการใช้โต๊ะสำนักงานหรือเก้าอี้ประชุมที่มีคุณภาพเกร็ดความรู้

ประโยชน์ 5 ข้อ ที่จะได้จากการใช้โต๊ะสำนักงานหรือเก้าอี้ประชุมที่มีคุณภาพ

23 ม.ค. 2568
webadmin

5 ประโยชน์ จากการใช้โต๊ะสำนักงานหรือเก้าอี้ประชุมที่มีคุณภาพ

อ่านต่อ
ประโยชน์ 4 ข้อของโต๊ะพับที่ควรรู้ และวิธีเลือกซื้อให้เหมาะกับการใช้งานเกร็ดความรู้

ประโยชน์ 4 ข้อของโต๊ะพับที่ควรรู้ และวิธีเลือกซื้อให้เหมาะกับการใช้งาน

23 ม.ค. 2568
webadmin

4 ข้อดีของโต๊ะพับในชีวิตประจำวัน และวิธีเลือกซื้อให้เหมาะสม

อ่านต่อ
เปิดเทคนิค เลือกซื้อโต๊ะประชุมอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งานเกร็ดความรู้

เปิดเทคนิค เลือกซื้อโต๊ะประชุมอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน

06 ม.ค. 2568
webadmin

เปิดเทคนิค เลือกซื้อโต๊ะประชุมอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน

อ่านต่อ