1. ระบบล็อค
ตู้เซฟแบบหมุน
- ใช้ระบบล็อคแบบกลไก ซึ่งมักจะมีการหมุนดอกกุญแจหรือหมุนตัวเลขเพื่อปลดล็อค
- มีการตั้งค่ารหัสผ่านที่ต้องจำไว้ และเมื่อป้อนรหัสแล้ว ต้องหมุนไปยังตำแหน่งที่ถูกต้องเพื่อเปิด
- มักจะมีความทนทานและเชื่อถือได้ โดยไม่มีปัญหาที่เกิดจากไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่
ตู้เซฟแบบดิจิทัล
- ใช้ระบบล็อคแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีแป้นกดหรือหน้าจอสัมผัสสำหรับป้อนรหัส
- สามารถตั้งรหัสผ่านที่ยาวและซับซ้อนได้มากกว่าตู้เซฟแบบหมุน
- บางรุ่นมาพร้อมกับฟังก์ชันเพิ่มเติม เช่น ระบบล็อคอัตโนมัติหรือการเตือนเมื่อป้อนรหัสผิดหลายครั้ง
2. ความสะดวกในการใช้งาน
ตู้เซฟแบบหมุน
- การใช้งานอาจจะช้ากว่า ต้องใช้เวลาหมุนให้ถูกต้อง
- ถ้ารหัสผ่านซับซ้อน อาจจะต้องจำตำแหน่งให้แม่นยำ
ตู้เซฟแบบดิจิทัล
- ใช้งานง่ายและรวดเร็ว สามารถป้อนรหัสผ่านได้ทันที
- มีฟังก์ชันการบันทึกและจัดการรหัสผ่านหลายรหัสในบางรุ่น
3. ความปลอดภัย
ตู้เซฟแบบหมุน
- ระบบกลไกมีความปลอดภัยสูงจากการถูกแฮ็กหรือถูกทำลายทางอิเล็กทรอนิกส์
- มีแนวโน้มที่จะทนทานต่อการโจรกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสูง
ตู้เซฟแบบดิจิทัล
- เสี่ยงต่อการถูกแฮ็กหรือการโจรกรรมที่ใช้เทคโนโลยีใหม่
- แต่ก็มีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น การแจ้งเตือนเมื่อมีการเข้าถึงที่ผิดปกติ
4. การบำรุงรักษา
ตู้เซฟแบบหมุน
- มักจะต้องการการบำรุงรักษาน้อย เนื่องจากไม่มีส่วนที่ต้องใช้ไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่
- สามารถใช้งานได้ในสภาพอากาศที่หลากหลายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องไฟฟ้า
ตู้เซฟแบบดิจิทัล
- ต้องการการบำรุงรักษาที่มากขึ้น อาจต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือเช็คระบบไฟฟ้าเป็นระยะ
- หากมีปัญหาทางอิเล็กทรอนิกส์ อาจต้องการการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในการซ่อมแซม