มารู้จักประเภทตู้เซฟและการใช้งานให้ตรงความต้องการ

การเลือก ตู้เซฟ ไม่ใช่เรื่องของราคาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึง ประเภทการใช้งานและความปลอดภัย ให้ตรงกับสิ่งของที่ต้องการเก็บ ไม่ว่าจะเป็น เงินสด ทอง เอกสารสำคัญ หรือ อุปกรณ์ดิจิทัล เพื่อให้มั่นใจว่าของมีค่าของคุณจะปลอดภัยสูงสุด

1. ตู้เซฟกันไฟ (Fireproof Safe)

ตู้เซฟกันไฟเหมาะสำหรับเก็บ เอกสารสำคัญ เช่น พาสปอร์ต, ใบรับรอง, สมุดบัญชี และ ไฟล์ดิจิทัล บางประเภท ตู้เซฟประเภทนี้สามารถทนความร้อนได้ตั้งแต่ 30 นาที ถึง 2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับรุ่นและมาตรฐาน เช่น  NBSST น้ำหนัก 53 กก.  และ KINGDOM น้ำหนัก 100 กก. รุ่น K-100 (กดที่ตัวหนังสีฟ้าเพื่อดูรายละเอียด)
จุดเด่น :

• ป้องกันความเสียหายจากไฟ
• มีหลายขนาดตั้งแต่แบบตั้งพื้นถึงแบบติดผนัง

2. ตู้เซฟกันน้ำ (Waterproof Safe)

เหมาะสำหรับเก็บเอกสารหรือของสำคัญที่ต้อง ป้องกันน้ำและความชื้น เช่น เอกสารทางการเงิน หรือฮาร์ดไดรฟ์
บางรุ่นสามารถกันน้ำได้ทั้งน้ำท่วมและน้ำกระเซ็น เช่น KINGDOM น้ำหนัก 165 กก. รุ่น K-165  

(กดที่ตัวหนังสีฟ้าเพื่อดูรายละเอียด) 

จุดเด่น :

• ป้องกันน้ำและความชื้น
• เหมาะกับพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม

3. ตู้เซฟดิจิทัล (Electronic Safe)

ตู้เซฟประเภทนี้มี รหัสผ่านดิจิทัล, ระบบสแกนลายนิ้วมือ หรือการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกและความปลอดภัยสูง เช่น ตู้เซฟกันขโมย ระบบดิจิตอล

(กดที่ตัวหนังสีฟ้าเพื่อดูรายละเอียด)

จุดเด่น :

• เปิดปิดง่ายด้วยรหัสหรือไบโอเมตริก
• สามารถตั้งรหัสหลายระดับสำหรับผู้ใช้หลายคน

4. ตู้เซฟสำหรับบ้าน (Home Safe)

ตู้เซฟบ้านถูกออกแบบให้ ขนาดกะทัดรัดและใช้งานง่าย มักใช้เก็บเงินสด เครื่องประดับ หรือเอกสารสำคัญ

 เช่น  SST-XPL  น้ำหนัก 53 กก และ ES-20CPL น้ำหนัก 70 กก.  (กดที่ตัวหนังสีฟ้าเพื่อดูรายละเอียด)

จุดเด่น :

• ขนาดเล็ก/กลาง เหมาะสำหรับบ้าน
• ติดตั้งง่ายและเคลื่อนย้ายสะดวก

5. ตู้เซฟสำหรับสำนักงาน (Office Safe)

ตู้เซฟสำนักงานมีขนาดใหญ่และความจุสูง เหมาะสำหรับ เก็บเอกสารสำคัญ, เงินสด, ฮาร์ดแวร์อุปกรณ์ IT หรือสิ่งของมูลค่าสูง
จุดเด่น :

• ขนาดใหญ่ รองรับเอกสารหลายประเภท
• มาตรฐานความปลอดภัยสูง เช่น ANSI หรือ UL

ข้อควรระวังสำหรับการใช้งานตู้เซฟที่บ้านและสำนักงาน

การมี ตู้เซฟ เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยปกป้องทรัพย์สินและเอกสารสำคัญ แต่การใช้งานอย่างไม่ระมัดระวังอาจทำให้ตู้เซฟไม่ปลอดภัยหรือเสียหายได้ ลองมาดู ข้อควรระวังสำคัญ ที่ควรรู้

1. เลือกตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสม

•    อย่าวางตู้เซฟใกล้ หน้าต่างหรือประตูทางเข้าบ้าน เพราะเสี่ยงต่อการโจรกรรม
•    สำหรับตู้เซฟขนาดใหญ่ ควรยึดกับ พื้นหรือผนัง ให้แน่นเพื่อป้องกันการเคลื่อนย้าย
•    เลือกพื้นที่ แห้งและมีอากาศถ่ายเท เพื่อลดความชื้นและป้องกันสนิม

2. รักษารหัสและกุญแจอย่างปลอดภัย

•    หากเป็นตู้เซฟ รหัสหรือดิจิทัล อย่าใช้รหัสง่าย เช่น 1234, วันเกิด
•    อย่าเขียนรหัสหรือพกกุญแจไว้ใกล้ตู้เซฟ
•    สำหรับตู้เซฟดิจิทัล ควรเปลี่ยนรหัสเป็นระยะ ๆ และไม่ใช้รหัสเดียวกันหลายตู้

3. ตรวจสอบความสามารถกันไฟ/กันน้ำ

•    หากเก็บ เอกสารสำคัญหรือฮาร์ดไดรฟ์ ต้องเลือก ตู้เซฟกันไฟ
•    ถ้าอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมหรือความชื้น ควรเลือก ตู้เซฟกันน้ำ
•    อย่าลองทดสอบด้วยวิธีเสี่ยงไฟหรือเปียกน้ำด้วยตัวเอง

4. อย่าเก็บของมีค่าเกินน้ำหนัก

•    ทุกตู้เซฟมี ข้อจำกัดน้ำหนักสูงสุด
•    การเก็บของเกินน้ำหนักอาจทำให้กลไกล็อกเสียหายหรือทำให้ตู้เซฟล้ม
•    ตรวจสอบคู่มือการใช้งานเพื่อความปลอดภัย

5. อย่าเปิดตู้เซฟโดยไม่รู้วิธี

•    การพยายามเปิดด้วยกำลังหรือเครื่องมืออาจทำลายกลไกล็อก
•    หากลืมรหัสหรือกุญแจ ให้ติดต่อผู้ผลิตหรือช่างที่ได้รับอนุญาต
•    สำหรับตู้เซฟที่ใช้ระบบดิจิทัล ควรอ่านคู่มือก่อนใช้งานทุกครั้ง

6. ดูแลและบำรุงรักษาเป็นประจำ

•    ตรวจสอบสภาพ ล้อ, บานพับ, กลไกล็อก อย่างสม่ำเสมอ
•    ทำความสะอาดภายในและภายนอกเพื่อลดฝุ่นและความชื้น
•    เปลี่ยนถ่านหรือแบตเตอรี่ในตู้เซฟดิจิทัลตามกำหนด

สรุป

การมี ตู้เซฟที่บ้านหรือสำนักงาน ช่วยให้ทรัพย์สินปลอดภัย แต่ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง

เลือกตำแหน่งติดตั้งดี รักษารหัสอย่างปลอดภัย ตรวจสอบคุณสมบัติ และบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ตู้เซฟทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และปกป้องของมีค่าได้อย่างมั่นใจ

หากคุณกำลังหา ตู้เซฟ ที่เหมาะและตรงกับความต้องการของคุณที่ Buddy Office มีให้คุณเลือกอย่างแน่นอน สิ่งสำคัญคือเลือก ตู้เซฟ ที่ตอบโจทย์ความต้องการและปกป้องสิ่งของมีค่าของคุณได้ดีที่สุด เราพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำเพิ่มเติม หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่

 LINE ID @BuddyOffice หรือโทร 063-353-6995 และ 022669784-5